what.gif (4683 bytes)     aniflower.gif (2347 bytes)aniflower.gif (2347 bytes)

barslider.gif (11170 bytes)

 musica6.gif (538 bytes)   [ กลับไปหน้าแรก ]   [ webmaster]updated.gif (1754 bytes)

 

 

พิธีมงคลสมรส

พิธีมงคลสมรสแบบวัฒนธรรม

          การประกอบพิธีสมรสแบบวัฒนธรรมนี้  ได้กำหนดขึ้นเป็นระบียบง่าย ๆ   เพื่อเป็นเกียรติและสิริมงคลแก่คู่บ่าวสาวตลอดถึง  สะดวกแก่แขกผู้มาในพิธีด้วย  พิธีแบบวัฒนธรรมเป็นพิธีที่จัดต่างหากจากพิธีทางศาสนาที่นิยม  คือ หลังจากการประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว  ควรจัดในตอนบ่ายหรือเย็นของวันพิธีทางศาสนาให้จัดห้องหนึ่งที่สมควรเป็นห้องพิธี  และเป็นห้องโดยเฉพาะไม่ ปะปนกับห้องรับแขก  ไม่จำเป็นต้องเป็นห้องใหญ่ก็ได้  มีประตูเข้าออกคนละทางได้ยิ่งดีและมีรายละเอียดดังนี้

เครื่องพิธี
      
1.  โต๊ะที่บูชาพระ  ตกแต่งให้สวยงามพอสมควร  ตั้งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกหรือถ้าไม่เหมาะจะหันทิศใดก็ได้แต่อย่า ให้เป็นทิศตะวันตกเท่านั้น  ที่โต๊ะบูชามีกระถางธูป  ปักไว้ 3 ดอก  มีเทียนอยู่ข้างกระถางธูป 1 คู่  สำหรับให้คู่บ่าวสาวได้จุดพรัอมกัน หน้าโต๊ะบูชาปูผ้าไว้สำหรับคู่บ่าวสาวกราบบูชาพระ
      2.  ตั่งรดน้ำ เป็นของเฉพาะสำหรับพิธีนี้ ประกอบด้วยที่นั่งห้อยเท้าของคู่บ่าวสาวและที่วางมือรับน้ำของคู่บ่าวสาว ถ้าไม่มีตั่งเฉพาะอย่างนี้ จะใช้ตั่งหรือโต๊ะเตี้ย ๆ พอให้คู่บ่าวสาวขึ้นไปนั่งพับเพียบหมอบกับหมอนบนตั่งหรือโต๊ะนั่งก็ได้  ตกแต่ง ปูอาสนะพอสมควรหรือจะใช้โต๊ะเรียนของนักเรียนชนิดที่นั่งคู่แทนก็ได้ ตกแต่งปูผ้ากันความน่าเกลียดเสียพองาม  ตั่งรดน้ำนี้ ให้ตั้งแอบฝาห้องพิธีด้านใดด้านหนึ่ง หันหน้าทางทิศใดก็ได้ ห้ามทิศตะวันตกทิศเดียว ที่หน้าตั่งวางขันน้ำพานรองเปล่า  ไว้ให้ตรง หน้าบ่าวสาวคู่หนึ่งสำหรับน้ำสังข์ ห้ามใช้กระโถนรองเป็นอันขาด
      3.  โต๊ะวางเครื่องพิธี จะเป็นโต๊ะอะไรก็ได้ขนาดพอสมควร ตั้งชิดหัวตั่งรดน้ำทางขวามือของเจ้าบ่าว  มีผ้าปูโต๊ะเรียบร้อย บนโต๊ะวางเครื่องพิธี คือ หม้อน้ำมนต์ สังข์รดน้ำ พานใส่มงคลคู่สำหรับสวมศีรษะบ่าวสาว ผ้าเช็ดมือเล็ก ๆ ของเหล่านี้ เป็นของจำเป็นใช้ในพิธี ต้องวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อย นอกนี้ห้ามวางของอื่นบนโต๊ะนี้อีก
       4.  โต๊ะของขวัญ
       5.  โต๊ะเล็กตั้งของชำร่วย
เมื่อการตระเตรียมพิธีพร้อมดังกล่าวแล้วข้างต้น พอได้เวลากำหนดก็เริ่มทำพิธีได้ ดังต่อไปนี้
        1.  ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจัดให้คู่บ่าวสาวเข้าสู่ห้องพิธีนำตัวบูชาพระ ให้บ่าวสาวจุดเทียนหน้าพระคนละดอก  หญิงนั่งซ้าย จุดดอกซ้าย ชายนั่งขวาจุดดอกขวา พร้อม ๆ กัน แล้วให้ร่วมกันจุดธูปที่ปักไว้ในกระถางธูป 3 ดอกนั้นเรียบร้อยแล้วให้ทั้งคู่ก้มลง กราบพระ 3 ครั้ง  พร้อม ๆ กัน  ต่อจากนั้นนำตัวขี้นรดน้ำ
         2.  ให้บ่าวสาวนั่งลงที่ตั่งรดน้ำ
หญิงนั่งซ้ายชายนั่งขวา ให้ทั้งคู่วางมือทั้งสองของตนลงบนที่รองหรือหมอน  ฝ่ามือประนม ยื่นออกให้พ้นที่รองมือหรือหมอนตรงกับขันรองน้ำมนต์ข้างล่าง ใช้กำลังศอกของตนรับน้ำหนักตัวเองไว้  ก้มศรีษะหมอบ ลงเล็กน้อย  ควรจัดเพื่อนเจ้าบ่าวและเจ้าสาวฝ่ายละ 2 คน มายืนข้างหลังตั่ง เพื่อนเจ้าบ่าวเป็นชาย ยืนหลังเข้าบ่าว  เพื่อนเจ้าสาวเป็น หญิง  ยืนหลังเจ้าสาว ยืนตรงเฉย ๆ เรียงหน้ากระดาน
          3.  จัดคนที่มีความรู้และรู้พิธี คอยทำหน้าที่ส่งน้ำสังข์ และประกอบพิธี ให้ยืนอยู่ข้างโต๊ะเครื่องพิธี
          4.  ต่อจากนั้น  เริ่มพิธี โดยเชิญผู้ใหญ่ที่เป็นประธานมาประกอบพิธีนำ คือ
               ( 1.)  ประธานเข้ามากราบพระที่บูชา
               ( 2.)  รับพวงมาลัยสวมคอให้คู่บ่าวสาว
               ( 3.)  รับมงคลคู่มาจบประนมมืออธิษฐานต่อหน้าบ่าวสาว  ขอให้สำคัญใจว่าชีวิตทั้งสองจะสัมพันธ์กันอยู่ด้วยมงคล คู่นี้ตลอดกาล  เสร็จแล้วสวมที่ศีรษะของคู่บ่าวสาวคนละข้าง
               ( 4.)   รับสังข์บรรจุน้ำพุทธมนต์มารดบนมือของบ่าวสาวที่ประนมรับอยู่พร้อมทั้งอวยชัยให้พรตามสมควร
               ( 5.)   รับโถแป้งกระแจะ เอานิ้วหัวแม่มือขวาแจะแป้งที่ผสมน้ำหอมและน้ำมนต์ไว้ และพอติดนิ้วแล้วเจิมแตะลง ที่หน้าผากของบ่าวสาว คนละ 1 แต้ม หรือ 3 แต้มก็ได้ เท่านี้เป็นอันเสร็จพิธีนำ  ต่อนี้ เชิญแขกเข้ารดน้ำตามลำดับโดยให้แขก รับแต่สังข์น้ำมนต์ แล้วรดลงบนมือของบ่าวสาวเท่านั้น จนทั่วแขก ทุกคน ระหว่างที่รดน้ำสังข์นี้ บ่าวสาวต้องแสดงความเคารพ ผู้รดน้ำให้พรตนทุกคนตั้งแต่ผู้เป็นประธานมาโดยลำดับ  โดยพอรดน้ำเสร็จก็ก้มศีรษะลงเล็กน้อยเท่านั้น 
เมื่อแขกรดน้ำกันทั่วแล้ว ผู้เป็นประธานเข้ามาประกอบพิธีถอดมงคลอีกครั้งหนึ่ง โดยมายืนตรงหน้าตั่งบ่าวสาว  มือทั้งสอง จับมงคลบนศีรษะของบ่าวสาวข้างละมือ  กล่าวคำอวยชัยให้พรพอสมควร แล้วยกมงคลขึ้นจากศีรษะบ่าวสาวพร้อม ๆ กัน ให้บ่าวสาวลุกจากที่ กราบพระที่โต๊ะบูชา เป็นอันเสร็จพิธี
           พิธีทั้งหมดดังกล่าวนี้ เป็นพิธีที่กองวัฒนธรรมใช้อยู่ในปัจจุบัน   การประกอบพิธีทุกอย่างควรให้เป็นไปตามลำดับ ดังกล่าวแล้ว อย่าให้สับสนได้เป็นด
ที่มา :    คู่มือปฏิบัติพิธีกรรมต่าง ๆ ของกองวัฒนธรรม กรมการศาสนา.

การขอพระราชทานให้ทรงประกอบพิธีมงคลสมรส

    การขอพระราชทานให้ทรงประกอบพิธีมงคลสมรส   ที่เรียกว่า  การขอพระราชทานน้ำสังข์  มีอยู่ 2 แบบ คือ

    1. แบบเป็นทางการ

    2. แบบส่วนพระองค์  ซึ่งเรียกว่า น้ำสังข์ข้างที่

หลักเกณฑ์การขอพระราชทาน  ขึ้นอยู่กับหลักเกณฑ์เหล่านี้ คือ

    1. พระราชทานให้แก่ผู้ที่ทรงรู้จักและคุ้นเคย

    2. ทรงรู้จักบิดา มารดา ของผู้ขอพระราชทาน

    3. ผู้บังคับบัญชา  เป็นผู้ขอพระราชทานให้  ในกรณีที่เป็นทหาร ตำรวจ หรือพลเรือนที่ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์

       ข้อ 1. หรือ ข้อ 2.

    4. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ  พระราชทานเป็นกรณีพิเศษ

        ผู้ขอพระราชทานต้องทำหนังสือยื่นต่อสำนักราชเลขาธิการ  เพื่อขอให้นำความกราบบังคับทูลพระกรุณา 

        พร้อมทั้งแนบวัน เดือน ปีเกิดของคู่สมรส และสถานที่ติดต่อมาด้วย

การกล่าวอวยพรงานมงคลสมรส

1. รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเชิญมากล่าวคำอวยพร

2. กล่าวถึงความสัมพันธ์ของผู้พูดกับคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือทั้งสองฝ่าย โดยเน้นถึงความดี ความงามของคู่สมรส

3. กล่าวแสดงความยินดีทีทั้งสองได้สมรสกัน และเป็นคู่ครองที่เหมาะสม

4. กล่าวให้ข้อคิดในการครองเรือนของคู่สมรส

5. กล่าวอวยพรโดยการชักชวนให้ดื่มแสดงความยินดี.


พิธีแต่งงาน

            คำว่า  แต่งงาน เป็นคำธรรมดาสามัญ  มาจากคำว่า  วิวาหมงคล  คือ ฝ่ายชายมาทำพิธีที่เคหสถานฝ่ายหญิง  และคำว่า  อาวาหมงคล  คือ ฝ่ายหญิงมาทำพิธีที่เคหสถานฝ่ายชาย    ทั้งสองคำนี้  ถ้ากล่าวเป็นคำกลาง  เรียกว่า  มงคลสมรส  เพื่อให้ต่อการศึกษา  จึงเรียงลำดับ  เป็น ข้อ ๆ ดังนี้

 

1. วันที่เหมาะสำหรับการแต่งงาน

                

             วันที่นิยมจัดพิธีแต่งงาน       คือ   วันอาทิตย์ วันจันทร์ กับวันศุกร์  

             วันที่ไม่นิยมจัดพิธีแต่งงาน   คือ

                    1. วันอังคาร      ถือว่ามักวิวาทและทุบตีกัน  

                    2. วันพุธ           โบราณห้ามขาด  ท่านว่ามักนอกใจและเลิกร้างกัน  

                    3. วันพฤหัสบดี   ถือว่าวันครูมักตายจากกันก่อนเวลาอันสมควร 

                    4. วันเสาร์         ถือว่า เป็นวันเจ้าทุกข์  มักจืดจางหรือเจ็บป่วย         

                                          (วันพฤหัสบดี กับวันเสาร์ หากจำเป็นและประกอบด้วยฤกษ์งามดีแล้วก็พอทำได้)

 

2. เดือนที่เหมาะสำหรับการแต่งงาน  

    นิยมแต่งงานใน   เดือน  6 เดือน 9 เดือน 12 เดือนยี่ และเดือนสี่  นอกนั้นเป็นเดือนที่เสียหาย พึงเว้นเสีย

 

3. การสู่ขอ

             การสู่ขอเป็นวิธีการของฝ่ายชายที่จะจัดการหาผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ซึ่งเรียกว่า เฒ่าแก่  ไปเจรจาขอทำความตกลงจากบิดามารดา หรือผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง นับว่า เป็นฤกษ์ก่อนพิธีแต่งงาน  ไม่ถือว่าสำคัฯนัก

เมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบด้วยกันแล้ว จะไม่ทำการสู่ขอก็ได้ 

 

4. การหมั้น  และ ขันหมาก

    การหมั้น  กระทำกันในเมื่อผู้ใหญ่ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงได้ตกลงปลงใจต่อกันแล้ว   จึงกำหนดฤกษ์วันหมั้น  ถือว่าเป็นการรับคำมั่นสัญญาต่อกันว่า  ฝ่ายหญิงจะยกให้แก่ฝ่ายชาย  เท่ากับการมัดจำไว้

     ของที่ฝ่ายชายนำไปในวันหมั้น  เรียกว่า  ขันหมากหมั้น    คือ

         มีขัน 2 ขัน  จะใช้ขันถมหรือขันทองก็ได้  

         - ขันใบหนึ่ง  ใส่หมากพลูขันหนึ่ง   

         - ขันใบที่สอง  ใส่ถั่วงา กับข้าวตอกขันหนึ่งพลูและหมากนั้น  เขาใช้พลูใบและหมากลูก  นับจำนวนเป็นคู่  ตามนิยมใช้พลู  16 ใบ  หมาก  8 ลูก ส่วนถั่วงา  กับข้าวตอกนั้น ใช้เย็บถุงเล็ก ๆ ใสอย่างละ  4  ถุง รวม 3 อย่าง เป็น 12 ถุง  ให้เด็กพรหมจารีย์หญิงหรือชาย เป็นผู้เชิญขันหมากไปพร้อมกับเถ้าแก่ฝ่ายชาย  ส่วนฝ่ายหญิงต้องจัดเถ้าแก่คอยรับขันหมาก

         ส่วนของหมั้น  มีทองไปด้วย พร้อมกับขันหมาก โดยมีน้ำหนักทองตามที่ฝ่ายหญิงเรียกร้อง

 

5. การปลูกเรือนหอ

    เมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงกันแล้ว  ฝ่ายชายต้องเตรียมการปลูกเรือนหอ  นิยมปลูกในเนื้อที่ของฝ่ายหญิง

 

6. พิธีเครื่องขันหมาก

    ก่อนถึงวันงาน 1 วัน เรียกว่า วันสุกดิบ ฝ่ายชายต้องนำผ้าไหว้  ขันหมากไปบ้านเจ้าสาว  ขันหมากนั้น  มี 3 ขัน เรียกว่า ขันหมากเอก 1 ขัน  ขันหมากโท 2 ขัน  ขันหมากเอกสำหรับใส่ข้าวสาร หมากพลูจัดเรียงรายพองามตามปากขัน  ใสตะลุ่มมุกมีฝาปิด  หุ้มผ้าลายมีไหมรัด  ส่วนหมากโทนั้นใส่เงินสินสอด ถั่ว  งา  ข้าวเปลือก  ใบเงิน ใบทอง ใบนาก ธูปเทียน  และผ้าไหว้บิดา มารดา  ผ้าไหว้ผีปู่ ย่า ตายาย บางทีก็มีเครื่องไทยธรรม  สำหรับถวายพระไปกับขบวนขันหมากด้วย

จำนวผ้าไหว้นั้นจะจัดสักกี่คู่ ก็สุดแต่จะตกลงกัน  ส่วนค่าสินสอด  มีประเพณีว่า  ต้องใส่ไว้ให้กเินกว่าที่ตกลงกันไว้ เมื่อเฒ่าแก่เปิดดูจะถือว่าเงินงอก  เป็นเคล็ดว่า  เมื่อชายหญิงคู่นั้นอยู่ร่วมกันแล้ว  ทรัพย์สินก็มีแต่งอกเงยขึ้น

7. พิธีรดน้ำแต่งงาน

    เมื่อนิมนต์พระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์  ถ้าเป็นพิธีใหญ่ ควรมีเทียน ธูปมงคลสำหรับเจ้าบ่าวเจ้าสาวคนละชุด  ต่างฝ่ายต่างจุดเทียนและธูปของตน  ถ้าทำอย่างธรรมดา  ก็ไม่ต้องใช้เทียนมงคล  ใช้แต่ธูปธรรมดาเพียงชุดเดียว  โดยให้เจ้าสาวจุดเทียน  และเจ้าบ่าวเป็นผู้จุดธูป  เพื่อให้เกียรติแก่ฝ่ายหญิง  เพราะเทียนมีศักดิ์มากกว่าธูป  การจุดธูปเทียนมงคลนั้น  ให้จุดเทียนก่อนจุดธูป

     เวลาตั้งเครื่องเตรียมรดน้ำสังข์  ให้ตั้งโต๊ะสำหรับวางเครื่องมงคลไว้ข้างเตียงรด  ตั้งถาดเครื่องมงคลพิธีไว้ข้างหน้าแล้วจึงตั้งคนโฑทอง  คนโฑเงิน คนโฑแก้ว  ซึ่งได้ใส่น้ำมนต์ไว้แล้วตามลำดับ

      (รายละเอียดอ่านข้างบน)

8. ฤกษ์จดทะเบียน

    จะทำในวันแต่งงานเพื่อเป็นเกียรติแก่คู่บ่าวสาว หรือจะทำภายหลังวันแต่งงานก็ได้  ถ้าทำในวันแต่งงาน  ควรทำก่อนเชิญแขกรดน้ำ

 

9. ฤกษ์รดน้ำ

     นิยมทำกันในเวลาบ่ายเย็น  ให้ถือฤกษ์ที่โหรกำหนดเป็นฤกษ์รดน้ำ

 

9. การถอดมงคล (อ่านรายละเอียดด้านบน)

 

10. ฤกษ์ปูลาดเรียงหมอน

     กระทำกันตั้งแต่ย่ำค่ำล่วงไปแล้ว  เป็นฤกษ์สำคัญยิ่งกว่าฤกษ์ใด ๆ ในพิธีแต่งงาน จำต้องเลือกหาเวลาฤกษ์ให้เหมาะ  ผู้ที่จะเชิญมาปูที่นอน ควรเลือกหาคู่ที่เป็นสามีภรรยาอยู่ร่วมกันด้วยความเจริญสุขยืนนาน เพื่อนำทางให้คู่บ่าวสาวนั้น เจริญรอยตาม  ผ้าปูที่นอน ควรนำเครื่องสุวรรณกาญจนาภรณ์โปรยลงข้างหมอนในเมื่อปูฟูกเรียงหมอนเสร็จแล้ว  ครั้นปูเสร็จแล้วจึงนอนลงทั้งคู่เป็นการประเดิม

 11. ฤกษ์ส่งตัว

       เป็นฤกษ์สำคัญอีกเหมือนกัน เมื่อเสร็จพิธีปูลาดเรียงหมอนแล้วจะเลยจัดการส่งตัวต่อกันไปก็เป็นการเหมาะดี หรือเป็นหน้าที่ของโหรผู้ให้ฤกษ์ 

12. เครื่องที่เป็นมงคลในพิธีแต่งงาน

      เครื่องอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับพิธีแต่งงานท่านให้หาเลือกเฉพาะสิ่งที่มีชื่อเป็นสิริมงคล หรือสิ่งที่มีความหมายไปในทางร่มเย็น เป็นสุข  ดังนี้

      1. ดอกไม้บูชาพระ  ดอกไม้ที่ใส่พานบูชาพระพุทธ ใช้ดอกไม้ 5 อยาง  คือ  ดอกรัก,ดอกบานไม่รู้โรย,ดอกดาวเรือง, ดอกเบญมาศ,ดอกพุทธรักษา

      2. เครื่องใส่ในโถแป้ง  ใช้ลูก 3 อย่าง คือ ลูกสวาด,ลูกกันภัย,ลูกพุทธรักษา

      3. เครื่องใส่ในฟูก  สมัยก่อนฝ่ายเจ้าสาวมีหน้าที่เย็บที่นอนและต้องยัดนุ่นให้เสสร็จในวันนเดียว ถายในฟูกนั้นเขาใส่ใบไม้ 4 อย่าง คือ ใบรัก,ใบเงิน,ใบทอง,ใบมะตูม

      4. เครื่องใส่ในบาตรน้ำมนต์  มีของใส่ 5 อย่าง คือ ฝักส้มป่อย,ใบเงิน,ใบนาก,ใบทอง,หญ้าแพรก

      5. เครื่องใส่ในถุง  มีของสำหรับใสส่ถุงอีก 4 ถุง คือ ถั่วทอง,งา,หินบดยา,ข้าวเปลือก  วางไว้ที่ม้ารองโต๊ะตั้งพระพุทธ

      6. เครื่องประกอบ  ตามพิธีโบราณที่แท้นั้นมีจั่นหมากเล็ก ๆ 1 จั่น กล้วยน้ำหว้า 1 หวี  ฟักเขียวทาดินสอพองละลายน้ำ 1 ผล แก้วแหวนเงินทอง เหล่านี้รวมกันใส่พานตั้งไว้ ตั้งแต่พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์จนถึงฤกษ์ปูลาดเรียงหมอน

      7. เครื่องพิธี  เครื่องพิธีที่ตั้งบนโต๊ะข้างเตียงรดน้ำสังข์มีถาดเท้าสิงห์  1 ถาด มีของใส่ในถาดคือ พานมงคล, โถปริกใส่แป้งเจิม,หม้อครอบสัมฤทธิ์ใส่น้ำมนต์,สังข์มีพานรอง,ขันนน้ำพานรองสำหรับแบ่งน้ำมนต์   

[กลับไปหน้าแรก ]

จัดทำโดย  

  ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอสำโรงทาบ  อำเภอสำโรงทาบ  จังหวัดสุรินทร์  32170  โทร. 044 - 569213
ศรายุทธ บูรณ์เจริญ    ผู้อำนวยการ     srayudhb@hotmail.com  , srayudhb@mweb.co.th , srayudh@chaiyo.com
สาวิยะ  พันธ์ฤทธิ์   บรรณารักษ์  sawiyap@chaiyo.com  
ชนัญชิดา
   ทองคำ  chida.cha@chaiyo.com
 นงเยาว์   สมนาค nsomnak@hotmail.com